โรคระบาดใหญ่ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อาจจบลงในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ หากประเทศต่างๆ ระดมสรรพกำลังต่อสู้กับมัน จากความเห็นของที่ปรึกษาด้านการแพทย์ระดับสูงของจีนรายหนึ่งในวันพฤหัสบดี (12 มี..ค.) ในขณะที่จีนประกาศว่า จุดสูงสุดของการระบาดได้ผ่านพ้นไปแล้ว และจำนวนผู้ติดเชื้อในหูเป่ย ลดลงสู่ตัวเลขหลักเดียวเป็นครั้งแรก
ราว 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ดินแดนที่มันปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เคสผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่ถูกพบนอกประเทศจีน
เจ้าหน้าที่จีนยกความดีความชอบให้มาตรการอันเข้มงวดที่พวกเขาบังคับใช้ ในนั้นรวมถึงปิดตายมณฑลหูเป่ยเกือบสิ้นเชิง และป้องกันการแพร่ระบาดใหญ่ในเมืองอื่นๆ พร้อมบอกว่าประเทศอื่นๆควรเรียนรู้จากความพยายามของพวกเขา
“พูดอย่างกว้างๆ จุดพีกสุดของการระบาดในจีนผ่านพ้นไปแล้ว” หมี่ เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวในวันพฤหัสบดี (12 มี.ค.) ส่วน จง หนานซาน ที่ปรึกษาด้านการแพทย์อาวุโสของรัฐบาลจีน เสริมว่า “การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อรายใหม่กำลังลดลง” และบอกว่า ตราบใดที่ประเทศต่างๆ จัดการกับโรคระบาดอย่างจริงจังและพร้อมใช้มาตรการต่างๆ ด้วยความแน่วแน่ การระบาดทั่วโลกอาจจบลงภายในไม่กี่เดือน”
“คำแนะนำของผม คือ ขอเรียกร้องทุกประเทศให้ปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และเข้าแทรกแซงในขอบเขตระดับชาติ” เขากล่าว “หากทุกประเทศสามารถระดมสรรพกำลัง โรคระบาดก็อาจจบลงในเดือนมิถุนายน” ดอกเตอร์จง กล่าว
ดอกเตอร์จง นักวิทยาการระบาดซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อครั้งช่วยต่อสู้กับการแพร่ระบาดของซาร์สในปี 2003 บอกว่าไวรัสทั้งหลายในตระกูลเดียวกันนี้มักจะอ่อนกำลังลงในช่วงเดือนที่มีอากาศอบอุ่น และสิ่งนี้เองที่อาจจะช่วยชะลอการแพร่ระบาด "ผมคาดหมายว่าจะเป็นเดือนมิถุนายน บนพื้นฐานของสถานการณ์ที่ว่าทุกประเทศได้ใช้มาตรการต่างๆในทางบวก แต่หากมีบางประเทศไม่ปฏิบัติกับโรคติดต่อและเป็นอันตรายนี้อย่างจริงจัง ไม่แทรกแซงอย่างเข้มข้น มันอาจต้องใช้เวลานานกว่านี้”
องค์การอนามัยโลกเมื่อวันพุธ (11 มี.ค.) เรียกร้องประชาคมนานาชาติเพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่าเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยบอกว่ามาตรการเชิงรุกจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการยับยั้งไวรัส
สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐรายงานว่า ในเวลาต่อมาวันพฤหัสบดี (12 มี.ค.) ดอกเตอร์จง ได้ประชุมทางไกลกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยดอกเตอร์จงและคณะทำงานได้แบ่งปันประสบการณ์การตรวจเชื้อและควบคุมไวรัสอย่างรวดเร็ว ความยากลำบากในการรักษาและความร่วมมือในการวิจัยทางคลินิก
เวลานี้สหรัฐฯกำลังเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดของตนเองเช่นกัน ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสในจีนชะลอตัวลง ธุรกิจต่างๆ ทยอยกลับมาเปิดบริการ แต่เจ้าหน้าที่ยังจะค่อยๆ คลายมาตรการควบคุมอันเข้มงวดอย่างระมัดระวัง
มณฑลหูเป่ยแถลงในวันพฤหัสบดี (12 มี.ค.) ว่า จะผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการเดินทางเพิ่มเติม และจะอนุญาตให้บางอุตสาหกรรมกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้ง
ขณะที่ไวรัสลุกลามอย่างรวดเร็วในระดับโลก แต่การแพร่ระบาดในจีนกลับชะลอตัวลงในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยในวันพุธ (11 มี.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่เพียง 15 คน ลดลงจาก 24 คนของหนึ่งวันก่อนหน้านั้น โดยในบรรดาผู้ติดเชื้อรายใหม่มีอยู่ 7 คน อยู่นอกหูเป่ย ในนั้น 6 คน เป็นเคสติดเชื้อมาจากต่างแดน
แม้ตอนนี้เคสผู้ติดเชื้อในจีนที่นำเข้ามาจากต่างแดนจะมีเพียง 85 คน แต่ด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่เลี่ยงความสนใจไปยังการควบคุมเคสติดเชื้อมาจากต่างประเทศ
จำนวนผู้ติดเชื้อโดยรวมในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ 80,793 คน และจนถึงวันอังคาร (10 มี.ค.) มี 62,793 คนที่ฟื้นไข้และออกจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือคิดเป็นเกือบ 80% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด
ที่อู่ฮั่น ศูนย์กลางของการแพร่ระบาด คนไข้ 34,094 คน ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ครึ่งหนึ่งในนั้นยังคงอยู่ภายใต้การสังเกตอาการ ตามสถานที่กักกันโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือหอพักนักเรียน
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข บอกว่า มาตรการกักกันโรคหลังได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เป็นมาตการป้องกันไว้ก่อน หลังมีคนไข้จำนวนหนึ่งซึ่งได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว กลับมามีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวกอีกรอบ
จนถึงวันพุธ (11 มี.ค.) ยอดรวมผู้เสียชีวิตในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ 3,169 คน เพิ่มขึ้นจากหนึ่งวันก่อนหน้านั้น 11 คน โดยในบรรดาผู้เสียชีวิตล่าสุด มีอยู่ 10 คน อยู่ในมณฑลหูเป่ย ในนั้น 7 คน อยู่ในเมืองอู่ฮั่น
Admin : ข้าวปั้น
ขอบคุณที่มาและรูปจาก MGRONLINE
สนใจแพคเกจท่องเที่ยว, ตั๋วเครื่องบินทั่วโลก หรือบัตรท่องเที่ยวต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-2945598, 092-294 5598
หรือ คลิ๊ก https://www.itravelroom.com/
#Covid-19 #โควิด-19 #โคโรน่าไวรัส #โคโรน่า