สาระน่ารู้ เกี่ยวกับญี่ปุ่น

สาระน่ารู้ เกี่ยวกับญี่ปุ่น

หลายคนในที่นี้คงเตรียมการไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกกันอยู่ใช่ไหมล่ะ วันนี้เราจึงนำสาระน่ารู้ก่อนที่จะเตีรยมไผปญี่ปุ่น มานำเสนอกัน รับรองว่าข้อมูลดีมีประโยชน์ ช่วยให้แพลนท่องเที่ยวสบายแม้ไปเป็นครั้งแรก

 

1.Passport หรือ หนังสือเดินทาง

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ ก็คือพาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทาง   ซึ่งต้องมีอายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือน โดยนับจากวันเดินทางเป็นหลัก สำหรับใครที่แพลนไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น สามารถอยู่เที่ยวได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องขอวีซ่านานสุด 15 วัน

 2. เวลาและสภาพอากาศ

เวลาญี่ปุ่น  นั้นเร็วกว่าประเทศไทยเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น 

สภาพอากาศของประเทศญี่ปุ่น 

ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์ )

เกาะฮอกไกโด(Hokkaido) ที่อยู่ทางตอนบนสุดของประเทศ, เทือกเขาเจแปน แอลป์(Japan Alps)  และชายฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นจะมีหิมะตกเยอะมาก ส่วนอื่นๆของประเทศจะมีหิมะตกเล็กน้อย โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่ อย่างเช่น โตเกียว และโอซาก้าที่มักจะมีหิมะตกน้อยมากหรือไม่มีเลย มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ประมาณ 1-5 องศา สภาพอากาศส่วนใหญ่จะมีท้องฟ้าสีคราม สวย สดใส

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม)

เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น มีอุณหภูมิเย็นสบายกำลังดี อาจจะมีฝนบ้างเล็กน้อย และยังเป็นช่วงที่ดอกซากุระจะบานเต็มที่ทั่วทั้งประเทศ  ในช่วงกลางวันอุณหภูมิประมาณ 20 กว่าองศาและจะลดต่ำลงเหลือ 10 กว่าองศาหรือเลขตัวเดียวในตอนกลางคืน มีวันหยุดยาวของประเทศหรือ โกลเด้น วีค(Golden Week)ในช่วงเวลาประมาณปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ทำให้เป็นจะเป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นจะเดินทางท่องเที่ยวกันมากที่สุด 

ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม )

อุณหภูมิอาจจะขึ้นไปสูงได้มากถึงเกือบ 40 องศา ในตอนกลางวันของช่วงที่ร้อนที่สุดเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นพื้นที่ภูเขาหรือเกาะฮอกไกโด อุณหภูมิจะต่ำกว่า ในฤดูร้อนโดยเฉพาะเดือนกรกฏาคมจะเป็นเหมือนฤดูฝนของประเทศญี่ปุ่นด้วย เรียกกันว่า ทสึยุ(Tsuyu) ยกเว้นที่เกาะฮอกไกโดจะยังไม่ค่อยมีฝนตก ทำให้ในฤดูร้อนเป็นหนึ่งในฤดูที่เหมาะกับการไปเที่ยวเกาะฮอกไกโด เพราะนอกจากจะมีสภาพอากาศที่เย็นสบายและฝนตกน้อยกว่าพื้นที่อื่นๆของญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุ่งดอกไม้เบ่งบานพร้อมๆกันด้วย 

ฤดูใบไม้ร่วง ( กันยายน - พฤศจิกายน)
สภาพอากาศโดยทั่วไปจะเย็นสบาย และเย็นขึ้นเรื่อยๆ ยกเว้นเดือนกันยายนซึ่งเป็นเดือนที่มีโอกาสในการเจอพายุไต้ฝุ่นมากทีสุดในรอบปี เดือนตุลาคมเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเพราะนอกจากจะมีอากาศดีแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่จะอยู่ในช่วงพีคประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิการยน โดยใบไม้เปลี่ยนสีจะไล่จากตอนบนลงมาที่ด้านล่าง จากภูเขามาสู่ที่ราบ ซึ่งจะตรงข้ามกับช่วงเวลาที่ดอกซากุระบาน

 3. ภาษาที่ใช้สื่อสาร 

ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาเดียวที่ใช้ทั่วประเทศ แต่ว่าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะมีภาษาท้องถิ่นของตนเอง 
ภาษาอังกฤษ จะใช้ได้บ้างก็เฉพาะในบริเวณสนามบิน โรงแรมใหญ่ ๆ หรือสถานที่ราชการบางแห่ง ที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับคนต่างชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว กล่าวได้ว่า คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีจะมีน้อยมาก 

4. น้ำหนักกระเป๋าเดินทาง

มีสายการบินมากมาย ที่บินจากประเทศไทยสู่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งสายการบินที่เป็น Low Cost และ Full service ระยะเวลาประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง 

สายการบิน Low Cost

สายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost) ที่มีตั๋วไปญี่ปุ่นทั้งแบบชั้นโดยสารราคาประหยัดและชั้นธุรกิจ ถ้าเลือกตั๋วแบบถูกสุดจะไม่มีบริการต่างๆ เช่น โหลดกระเป๋า อาหาร เลือกที่นั่ง เป็นต้น ซึ่งจะต้องซื้อเพิ่มเองหากต้องการ 

Thai Air Asia X, Nok Scoot , Thai Lion Air, Peach Airline

สายการบิน Full Service 

 

Thai Airway, Japan Airline, Ana Air Nippon น้ำหนักสัมภาระสำหรับการโหลด ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขของสายการบิน 

5. เงินที่ใช้
 

สกุลเงินที่ใช้คือเยน ( JPY ) ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยน 1 JPY กับเงินบาท อยู่ที่ประมาณ 0.32 บาท นักท่องเที่ยวสามารถแลกเปลี่ยนเงินได้จากธนาคารหรือผู้ รับแลกเปลี่ยนเงิน ธนาคารหรือผู้รับแลกเปลี่ยน ซึ่งจะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงควรดูอัตราแลกเปลี่ยนดีๆ ก่อน 

 6. บัตรเครดิต 

                  

บัตรเครดิตเช่น วีซ่า, มาสเตอร์, อเมริกันเอ็กซ์เพลส, ไดเนอร์คลับ และ JCB เป็นที่ยอมรับกันตามโรงแรมใหญ่ ๆ ภัตรคารขนาดใหญ่ และห้างสรรพสินค้าในเมือง ยกเว้นตลาดพื้นเมือง ร้านค้าและภัตตาคารที่ยอมรับบัตรเครดิตในการชำระค่าสินค้าและบริการ จะติกสติกเกอร์ไว้ทีหน้าร้าน หรือขึ้นป้ายให้เห็น โดยจะระบุยี่ห้อของบัตรเครดิตที่สามารถใช้ได้

 7. ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ


กระแสไฟฟ้าในญี่ปุ่นที่ใช้ตามบ้านเรือนทั่วไปเป็นแบบ 110 โวลต์ ชนิดกระแสสลับทั่วประเทศ แต่มีความแตกต่างระหว่างภาคตะวันออกและภาคตะวันตกเล็กน้อยคือ ภาคตะวันออก (รวมโตเกียว) ใช้ 50 เฮิร์ตซ์  ภาคตะวันตกรวมถึง นาโกย่า เกียวโต โอซาก้า ใช้ 60 เฮิร์ตซ์ และปลั๊กไฟที่ประเทศญี่ปุ่นใช้เป็นแบบขาคู่แบน โรงแรมในญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่เมืองใหญ่จะมีปลั๊กไฟ 2 ระบบ คือ 110 และ 220 โวลต์ให้ใช้ แต่เต้าเสียบมักจะใช้ชนิดสองขาเท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าหากท่านต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปด้วย ก็ควรนำเต้าแปลงปลั๊กไปด้วยนะคะ
 

8. ข้อน่ารู้การเที่ยวญี่ปุ่น 

1. อาวุธ, ยาเสพติด ของผิดกฎหมาย และ ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในปี 2562 ก็เป็นพวกเนื้อสัตว์ นม ของสด อาหารแปรรูป แม้แต่อาหารที่แจกบนเครื่องบินก็ห้ามนำเข้าญี่ปุ่น ให้ทิ้งลงถังขยะในสนามบิน กฎใหม่นี้เพื่อป้องกันการระบาดของโรค

2. การขึ้นบันไดเลื่อน คนโตเกียวจะยืนชิดซ้าย ให้ด้านขวาเป็นที่เดินสำหรับคนรีบ ส่วนโอซาก้าจะสลับกับโตเกียว อย่างไรก็ตามเริ่มมีการรณรงค์การขึ้นบันไดเลื่อน ไม่จำเป็นต้องชิดด้านใดด้านหนึ่ง ในระหว่างที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะยืนแบบไหน ก็ทำตามเค้าจะดีที่สุด

9. อาหาร 

ราคาอาหารในญี่ปุ่น ประเภทข้าวหน้าเนื้อ ราเมง (อาหารจานด่วน) เช่นร้าน Yoshinoya โดยเฉลี่ยอยู่ที่จานละ 500-1,000 เยน ร้านประเภทนี้มักจะมีน้ำดื่มให้ทานฟรี ส่วนร้านที่อยู่นอกเมืองตามสถานที่ที่เที่ยว หรือ ข้าวกล่องเบนโตะในสถานีรถไฟจะมีราคาสูงกว่าปกติประมาณ 1000-1500 เยน

ร้านอาหารในญี่ปุ่นมีการคิด Tax อยู่ 2 เรท ซื้อกลับบ้าน (Take out) เรท 8% และ ทานที่ร้านเรท 10%

9. การเดินทางภายในประเทศ 

ประเทศญี่ปุ่นมีรถไฟครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ มีเพียงบางโซนเท่านั้นที่ต้องใช้รถบัสคู่กับรถไฟ เช่นเมืองเกียวโต โดยรวมแล้วเป็นประเทศที่เดินทางได้สะดวกมาก ไปเที่ยวเองได้ง่าย แต่เสียอย่างเดียวค่าเดินทางค่อนข้างแพง

วิธีที่ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้คือการวางแผนก่อนการเดินทาง และเลือกใช้พาส (Pass) ให้เหมาะสมกับการเดินทาง เช่น One day pass หรือ Zone pass ในภูมิภาคต่างๆ

10. สถานฑูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น

ในระหว่างการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น ถ้ามีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น เช่น ทำพาสปอร์ตหายและต้องการออกเล่มใหม่ เกิดอุบัติเหตุ หรือประสบภัยพิบัติ ผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือก็คือสถานทูตของประเทศตนเอง ในบทความนี้เราได้รวบรวมสถานทูตที่อยู่ในโตเกียว รวมถึงเบอร์โทรติดต่อสถานทูตและแผนกกงสุลเอาไว้ 

ที่ตั้ง  : 3 Chome-14-6 Kamiosaki, Shinagawa City, Tokyo 141-0021 ญี่ปุ่น 

เบอร์โทร :  +81 3-5789-2449

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้