SPECIAL TURKIYE สเปเชี่ยลตุรกี 9 วัน 7 คืน สายการบิน TURKISH AIRLINES เดินทาง มกราคม ถึง พฤษภาคม 2567 ราคาเริ่มต้น THB 43988.-

SPECIAL TURKIYE สเปเชี่ยลตุรกี 9 วัน 7 คืน สายการบิน TURKISH AIRLINES เดินทาง มกราคม ถึง พฤษภาคม 2567 ราคาเริ่มต้น THB 43988.-

 
 
 
 
 
 

 

วันที่หนึ่ง   กรุงเทพฯ-อิสตันบูล-ซาฟรานโบลู   (-/-/D)

03.30 น.       —คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น4 สายการบินTURKISH AIRLINES เคาน์เตอร์ U ประตู 9 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน
06.25 น.       Qเหินฟ้าสู่กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK59 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10.50 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
13.20 น.       เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ อตาเติร์กกรุงอิสตันบูล หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
นำทุกท่านเดินทางเข้าสู่เมืองซาฟรานโบลู Safranbolu ใช้เวลาเดินทาง 4.30 ชม.(440 กม.)   ชื่อ Safran แปลว่าสีเหลือง ซึ่งมาจากเกสรหญ้าฝรั่น (Saffron) ซึ่งมีสีเหลืองแดง และ Bolu แปลว่ามากมาย คือเป็นเมืองที่มี Saffron อยู่มาก แซฟฟรอนหรือหญ้าฝรั่นเป็นเครื่องเทศที่มีราคาสูงที่สุดในโลก โลละเกือบแสนบาท ที่เมืองแห่งนี้จะมีผลิตภัณฑ์จากหญ้าฝรั่นขายอยู่มากมาย อีกทั้งเมืองนี้ยังมีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์  โดยเฉพาะชื่อเสียงเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมซาฟรานโบลู  ที่มีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ของชุมชนเมืองทั่วทั้งจักรวรรดิออตโตมัน  ในปี 1994 องค์การยูเนสโกยกให้เมืองซาฟรานโบลูเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมของตุรกี  ซาฟรานโบลูมีสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ ผู้คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร และทิวทัศน์สมบูรณ์ ทำให้ซาฟรานโบลูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด
ค่ำ                บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พัก LEYLA HANIM KONAGI (SAFRANBOLU)หรือเทียบเท่า

วันที่สอง   เมืองซาฟรานโบลู- KOPRULU MOSQUE & SUN DIAL  -จุดชมวิว – คัปปาโดเกีย                         (B/L/D)
เช้า               บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่านแวะถ่ายรูปจุดชมวิว ให้ท่านได้อิสระถ่ายภาพบรรยากาศเมืองซาฟรานโบลู ตามอัธยาศัย 
หลังจากนั้น พาทุกท่านเดินเยี่ยมชมเมืองเก่า เมืองที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี แวะชมมัสยิด KOPRULU MOSQUE & SUN DIAL เป็นมัสยิดที่เก่าแก่การตกแต่งภายในสวยงามมากและคุ้มค่ากับการได้ไปเยือน รอบๆ มัสยิด เรียงรายไปด้วยร้านรวงมากมาย  ชมบ้านเมืองแบบออตโตมันดั้งเดิม เมืองเก่าอนุรักษ์อาคารเก่าแก่หลายแห่ง  โดยมีโบราณวัตถุที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้ 1,008ชิ้น  ตัวบ้านที่มีโครงไม้ที่มีเอกลักษณ์ บ้านเหล่านี้เป็นตัวแทนที่ดีเยี่ยมที่สะท้อนสถาปัตยกรรมออตโตมันจากยุคกลางและเป็นจุดแวะพักที่สำคัญบนเส้นทางสายไหม  แวะถ่ายรูปด้านนอก กับ Cinci Hoca Hamam โรงอาบน้ำตุรกี (ฮามัม)
กลางวัน         บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่คัปปาโดเกีย ดินแดนที่มีภูมิประเทศราวหลุดไปในเทพนิยาย Cappadocia อีกหนึ่งเมืองที่สำคัญของประเทศตุรกีที่เหล่านักท่องเที่ยวชื่นชอบ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่น สวยแปลกตา และมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว ทำให้ลาวา และเถ้าถ่านที่พ่นออกมากระจายไปทั่วบริเวณ และเกิดการทับถมกลายเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา ต่อมาถูกกัดกร่อนจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ จนเกิดเป็นหุบเขารูปทรงต่างๆ เรียกว่า “ปล่องไฟนางฟ้า (Fairy Chimney) นั่นเอง และด้วยความสวยงามที่แปลกตาราวดินแดนในฝันทำให้เมือง Cappadocia ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมจากยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1985
ค่ำ               บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรมสไตล์ถ้ำ!! CAPPADOCIA หรือเทียบเท่า
**หมายเหตุ:กรณีห้องพักโรงแรมถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน**

วันที่สาม   เมืองคัปปาโดเกีย บอลลูน โปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (OPTIONAL TOUR)  - ชมโรงงานจิวเวอร์รี่และโรงงานเซรามิค ชมโรงงานทอพรม – หุบเขาเกอเรเม่ -หุบเขาเดฟเรนท์(B/L/D)
** สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเกีย จะต้องออกจากโรงแรม 05.30 น. เพื่อชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง **
(ค่าขึ้นบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ประมาณ 300-350USD/ท่าน ราคานี้สมาคมผู้ประกอบการฯเป็นผู้กำหนด)
แนะนำโปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (OPTIONAL TOUR)

1.บอลลูนทัวร์ (BALLOON TOUR) สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรมประมาณ 04.30 – 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยากใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30 – 45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละประมาณ 300-350 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน

2. รถจี๊ปทัวร์ (JEEP TOUR) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 120 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ(USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ

3. รถโบราณ (MUSTANG CLASSIC CAR) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถเดินทางไปได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จำกัดโดยสารไม่เกิน 3 ท่าน/คัน ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถมัสแตงโบราณอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ

คำแนะนำ

เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็คเกจทัวร์เสริมอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนออกเดินทาง และ ควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไทยไป)
กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง หรือ ตั้งครรภ์ เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับผิดชอบทุกกรณี
สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษท่านจำเป็นต้องพักผ่อน รอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก
เช้า               บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หุบเขาเดฟเรนท์ หุบเขาเดฟเรนท์ (Devrent Valley) เป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า หุบเขาแห่งมโนคติ (Imaginary Vally) และ หุบเขาสีชมพู (Pink Valley) ที่มีชื่อว่าหุบเขาแห่งมโนคติก็เนื่องมาจากบรรดาหินรูปทรงแปลกประหลาดซึ่งมีอยู่จำนวนมากมายที่ชวนให้ต้องใช้จินตนาการในการมอง
จากนั้นนำท่านชม หุบเขาอุซิซาร์ (Uchisar Valley) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย
จากนั้นนำท่านแวะ ชมโรงงานจิวเวอร์รี่ อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึก
กลางวัน         บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ได้เวลานำทุกท่านเดินทางสู่ หุบเขาเกอเรเม่ ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนสถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้
แวะชมโรงงานทอพรม สินค้าขึ้นชื่อและมีคุณภาพดีของประเทศตุรกี อิสระให้ทุกท่านได้เลือกซื้อเป็นของฝากตามอัธยาศัย
ค่ำ                บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรมสไตล์ถ้ำ!! CAPPADOCIA หรือเทียบเท่า
**หมายเหตุ:กรณีห้องพักโรงแรมถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน**

วันที่สี่  เมืองปามุคคาเล – CARAVANSARAI – แวะชิมโยเกิร์ตฝิ่น  (B/L/D)
เช้า               บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่ ปามุคคาเล่ Pamukkale ใช้เวลาเดินทาง 8 ชม.(630 กม.)  
ระหว่างทางแวะถ่ายรูป CARAVANSARAI ที่พักแรมระหว่างทางของกองคาราวาที่เดินทางเส้นทางสายไหมของชาวเติร์กในสมัยออตโตมัน มีกำแพงล้อมรอบเพื่อป้องกันลมและฝน รวมทั้งพายุรุนแรงและการปล้นสดมภ์
กลางวัน         บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
แวะให้ท่านได้ลองชิม โยเกิร์ตฝิ่น ขนมหวานที่มีโยเกิร์ตเป็นส่วนประกอบหลัก มีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบเสริม และมีดอกฝิ่นเป็นตัวเรียกแขก ก็เป็นสิ่งที่ต้องลองสักครั้งเมืองเดินทางมาเที่ยวประเทศตุรกี
(ไม่รวมในค่าบริการ เลือกชิมตามความสนใจของท่าน)
จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานคอตตอน สามารถเลือกซื้อของฝากเช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า
เป็นต้น เป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน100%
ค่ำ                บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พัก LYCUS RIVER HOTEL @PAMUKKALE หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า ปามุคคาเล่ - ปราสาทปุยฝ้ายและเมืองโบราณเฮียราโพลิส- เมืองซิเรนเซ่ – ร้านขนม Turkish Delight - คูซาดาซึ Kusadasi (B/L/D)
เช้า               บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชมปามุคคาเล่ (Pamukkale) เป็นภาษาตุรกี แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle)
ปามุกแปลว่าฝ้าย คาเลย์แปลว่าปราสาท เป็นน้ำตกสีขาวโพลน ลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นส่งประกายสะท้อนกับแสงแดดระยิบระยับ บนหน้าผา โตรกเขา สีขาวบริสุทธิ์ของแร่แคลเซียมที่เกาะตัวอยู่บนเนินเขา ลดหลั่นลงมาดังป้อมปราการเกิดจากน้ำพุร้อนที่มีแร่แคลเซียมคาร์บอเนตผสมอยู่เป็นจำนวนมากในธรรมชาติ เมื่อน้ำแร่ไหลไปตามพื้นหิน แคลเซียมจะเกาะตัวติดอยู่กับหิน ส่วนคาร์บอนเนตจะแปรสภาพกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์แยกตัวไป นานๆ เข้าแคลเซียมขาวจะเกาะเต็มพื้นหินบนภูเขาจนมองไม่เห็นพื้นหิน พื้นดิน รูปร่างจะเปลี่ยนไปตามรูปร่างของพื้นหินที่เกาะอยู่เป็นรูปทรงต่างๆ แปลกตา แลดูเหมือนกับแอ่งน้ำบนสวรรค์ หรือฉากในดินแดนแห่งเทพนิยาย จนทำให้ปามุกคาเล่และเมืองเฮียราโพลิสได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988
กลางวัน         บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองซิรินเซ่ เมืองที่ทอดยาวไปบนเนินเขาผ่านไร่องุ่น ฟาร์มลูกพีช และสวนแอ๊ปเปิ้ล ซิเรนเซ่เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดในชายฝั่งอีเจี้ยน บ้านที่มีสไตล์ตุรกีและกรีก ผสานกันได้อย่างลงตัว เพราะที่แห่งนี้เป็นอดีตชุมชนชาวกรีกออร์โธดอกซ์ เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศหมู่บ้าน แวะโรงบ่มไวน์เพื่อลิ้มรสไวน์ผลไม้หลายประเภท และไวน์ที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในตุรกี ส่วนไวน์ผลไม้ก็มีชื่อเสียงในเวลาต่อมา คือ ไวน์แบล็คเบอรี่ ผลิตภัณฑ์ฝีมือจากท้องถิ่นต่างๆ ก็เป็นที่นิยมมาก เช่นงานถักโครเชต์ และ งานลูกไม้ งานปัก และเสื้อผ้า เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ออกแกนิค อาทิเช่น น้ำมันมะกอก สบู่ น้ำผึ้ง ฯลฯ
จากนั้นนำท่านซื้อขอฝากตามอัธยาศัย ร้านขนม Turkish Delight ของฝากขึ้นชื่อของประเทศตุรกี
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี KUSADASI ระยะทาง 190 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ  2 ชั่วโมง 50 นาที เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกีที่เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ
ค่ำ                บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พัก CASA DEL SOLE HOTEL (KUSADASI) หรือเทียบเท่า

วันที่หก   โรงงานเครื่องหนัง – ไอยวาลิค - ม้าไม้เมืองทรอย - ชานัคคาเล่ (B/L/D)
 เช้า               บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมนำท่านชม โรงงานเครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกที่สำคัญของตุรกีหนังคุณภาพชั้นดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ให้ท่านได้ร่วมสนุกกิจกกรมเดินแฟชั่นโชว์และเลือกชมได้ตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองเพอร์กามอน (Pergamon) ใช้เวลาเดินทาง 2.20 ชั่วโมง (181 กิโลเมตร) เมืองชายฝั่งทะเลเอเจียนของประเทศตุรกี ตั้งอยู่ในจังหวัด อิซเมียร์ ในอดีตกลุ่มชาวกรีก อีโอเลียน(Aeolian) เป็นผู้บุกเบิกในการเข้ามาตั้งรกรากในช่วง 800 ปีก่อนคริสตกาล
ต่อจากนั้นนำท่านไปสู่ เมือง AYVALIK ไอวาลิค เมืองชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลอีเจียนชายฝั่งของตุรกี บ้านเรือนของเมืองได้รับอิทธิพลจากประเทศกรีซโบราณ เป็นดินแดนของการทำโรงงานทำมะกอกโบราณตั้งแต่สมัย ศต.18 ปัจจุบันเต็มไปด้วยสถานที่พักผ่อน คาเฟ่ร้านอาหาร ตรอกบ้านเรือนสีสันสดใส เหมาะสำหรับเดินถ่ายรูปเล่นหรือจะนั่งจิบกาแฟรับอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลอีเจียน
กลางวัน         บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังจากนั้นนำท่านเดินทาง ชานัคคาเล่ (Canakkale) เป็นเมืองท่าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของตุรกีมีดินแดนอยู่ในยุโรปและเอเชียเช่นเดียวกับอิสตันบูล เมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 1  เพราะที่ชานัคคาเล่นี้ทหารสัมพันธมิตรได้ยกพลขึ้นบกและทำการรบในสงครามกาลิโปลี (Gallipoli)หรือ กัลป์ลิโปลีโดยในทุกๆปีจะมีการจัดงานรำลึกให้กับผู้เสียชีวิตในวัน ANZAC Day ทุกวันที่ 25 เมษายน ทุกปี ในสงครามโลกครั้งที่1 ตุรกีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่กลับชนะในสงคราม กัลป์ลิโผลี จนทำให้นายพล มุสตาฟา เคมาล ปาชา (Mustafa Kemal Pasha) กลายเป็นมหาวีรบุรุษสำคัญของชาติ ซึ่งต่อมา มุสตาฟา เคมาล ปาชา ก็คือคือ อตาเติร์ก บิดาแห่งชาติตุรกี
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับม้าไม้จำลองกรุงทรอย HOLLYWOOD TROY WOODEN HORSE ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองชานัคคาเล่ ม้าไม้เมืองทรอยตามเรื่องเล่านั้นเกิดจากการต่อสู้ระหว่างกองทัพกรีกและกรุงทรอย ต่อสู้กันนานนับสิบปี กองทัพกรีกจึงคิดแผนการที่จะตีกรุงทรอยโดยการสร้างม้าไม้ โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในซอกต่างๆของม้าและเข็นไปไว้หน้าเมืองทรอย ชาวเมืองทรอยเห็นก็นึกว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพยอมแพ้ไปแล้วและมอบม้าไม้จำลองเป็นของขวัญ จึงเข็นเข้าไปไว้ในเมือง ตกกลางคืนชาวทรอยนอนหลับหมด ทหารที่ซ่อนอยู่ในม้าก็ออกมาเปิดประตูให้กองทัพกรีกเข้ามาทำการยึด และเผากรุงทรอยจนย่อยยับ ซึ่งม้าไม้จำลองแห่งเมืองทรอยที่เห็นอยู่ในเมือง ชานัคคาเล่ นี้ได้รับมาจาก  กองถ่ายทำละคร วอเนอร์ บราเธอร์ ใช้ถ่ายทำละคร เรื่องทรอย เมื่อถ่ายทำเสร็จแล้วจึงยกให้เป็นสมบัติของที่นี่ตั้งแต่ปี 2004
ค่ำ                บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พัก IRIS CANAKALE หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด   เมืองอิสตันบลู –พระราชวังเบลเลอเบยี – ตลาดสไปซ์ -ดินเนอร์ บอสฟอรัส พร้อมชมการแสดง (B/L/D)
เช้า               บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล เดิมชื่อ คอนแสตนติโนเปิล  เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี  ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส  ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ในทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่งบอสฟอรัส) และ ทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย)
กลางวัน         บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านชม พระราชวังเบลเลอเบยี (BEYLERBEYI PALACE) เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเล ของช่องแคบบอสฟอรัสในฝั่งเอเชีย ใกล้กับสะพานข้ามช่องแคบฯ แห่งแรก ถือเป็นพระราชวังฤดูร้อนของจักรวรรดิออตโตมัน ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1861 ถึง ค.ศ. 1865 และยังเป็นสถานที่ที่ถูกใช้เป็นที่กักตัวของ สุลต่านอับดุลฮามิดที่ 2 ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1918
นำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (SPICE MARKET)หรือตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อและถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร
ค่ำ                นำทุกท่าน ล่องเรือ DINNER CRUISE BOSPHORUS พร้อมทานอาหารค่ำ
ล่องเรือไปตามช่องแคบบอสฟอรัส ช่องแคบที่เป็นพรมแดนกั้นระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชียบรรยากาศริมสองฝั่งแม่น้ำ ที่ภูมิสถาปัตย์มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างกลิ่นอายของยุโรป และกลิ่นอายความเป็นเอเชียระหว่างการล่องเรือ จะได้ชมเมืองที่มีชีวิตชีวาด้วยแสงไฟสว่างไสวในยามค่ำคืน พร้อมรับชมการแสดงโชว์อันตระการตา
นำท่านเข้าสู่ที่พัก MAYI HOTEL @ISTANBUL  หรือเทียบเท่า

วันที่แปด   สุเหร่าสีน้ำเงิน -ฮิปโปโดม-เซนต์โซเฟีย –สนามบินอีสตันบลู (B/-/-)
เช้า               บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 
จากนั้นนำทุกท่านเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN  AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง
** ข้อกำหนด โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า และ จำเป็นต้องต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม**
สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ
สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป
จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7
จากนั้นนำทุกท่านแวะถ่ายรูปบริเวณโดยรอบ สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (SAINT SOPHIA)หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามจวบจนถึงรัชสมัยของ  พระเจ้าจัสตินเนียนมีอำนาจเหนือตุรกีจึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆมาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬารต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม
ได้เวลาอันสมควรพาทุกท่านเดินทางไปยังสนามบิน
15.20 น.       เหิรฟ้าสู่ กรุงเทพมหานครโดยสายการบิน Turkish Airlinesเที่ยวบินที่ TK58 ใช้เวลาเดินทาง
ประมาณ 10 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

 

วันที่เก้า  กรุงเทพ ฯ   (-/-/-)
04.45 น.       คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ
 
                           END OF SERVICE
......................................................................................................

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่
บริษัท ไมล์เลจแอร์ แอนด์ ทราเวล จำกัด/คุณดา
• โทร 02-294-5598, 092-2945598
• Official Line ID: @mileagetour
• ทางอีเมล : mileageair11@gmail.com

 
 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้